วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เรื่องหน้าแตก...ที่"ปางอุ๋ง"

          มีอยู่ปีนึงครับ...ผมเกิดเรื่องหน้าแตกขึ้น คือผมมีโปรแกรมจะไปเที่ยวที่"ปางอุ๋ง"...แต่ไม่ได้ศึกษาแผนที่ไว้ล่วงหน้า รู้แต่ว่าอยู่ที่ จ.แม่ฮ่องสอน ก็เลยเที่ยวเรื่อยๆครับ พอไปเที่ยวหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวเสร็จผมก็ตั้งใจจะเข้าไปพักที่ปางอุ๋ง และฉลองปีใหม่ที่นั้น ก็เลยกางแผนที่ดูว่าปางอุ๋ง อยู่บริเวณไหน พอกางเสร็จก็ช่วยกันดูแผนที่กับภรรยา ก็เลยเห็นคำว่า"ปางอุ๋ง" ในแผนที่ก็เลยขับรถไปตามแผนที่ครับ แต่ผมไปทางไหนรู้ไหมครับ ผมไปทาง อ.ขุนยวม แล้วแวะเข้าไปดูทุ่งบัวตองที่ดอยแม่อูคอ และน้ำตกแม่สุรินทร์  พอเสร็จก็ออกมา จากดอยแม่อูคอ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนหมายเลข 1263 เพื่อไปสู่ที่พักคือปางอุ๋ง ขับชมวิวทิวทัศน์ไปเรื่อยๆครับ บรรยากาศขับรถบนเขายามเย็นช่างสวยงามเหลือเกิน ขับไปเรื่อยๆครับก็มองเห็นหลักกิโล เขียนว่า "ปางอุ๋ง"อยู่ตลอดทาง...ก็ยิ้ม ถึงอย่างไรเราก็ต้องถึงก่อนค่ำแน่ๆ และจะได้กางเต้นท์นอนฉลองปีใหม่ที่นั้น ดูในอินเตอร์เน็ต แล้วสวยเหลือเกิน  ไม่นานก็ถึงปางอุ๋งแล้วครับ ก็เลยจอดรถถามชาวบ้านแถวนั้นว่าที่เขากางเต้นท์ ปางอุ๋งอยู่ที่ไหน ชาวบ้านก็ชี้มือบอก ผมก็ขับรถไปตามที่บอกครับ แล้วมาเจอกับสถานีเกี่ยวกับการเกษตรอะไรนี่แหละครับ...เห็นมีกางเต้นท์อยู่บนเนินเขาสัก 2-3 หลังนี่แหละก็เลยจอดรถถามอีก ก็เลยได้คำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่า..."พี่มาผิดปางอุ๋ง...แล้วหล่ะครับที่นี่ เป็นปางอุ๋ง ของ จ.เชียงใหม่ครับ ที่พี่จะไปสงสัย จะเป็นปางอุ๋ง จ.แม่ฮ่องสอน อ.ปางมะผ้าโน้นแหน่ะครับ...ที่มีอ่างเก็บน้ำใช่ใหมครับ...มาผิดแล้วครับพี่..." แป่ววว...เซ็งเป็ดเลยเราเดินทางตั้งนาน ดันเข้าผิดที่ ดูแผนที่แล้วมันเขียนว่า "ปางอุ๋ง" เหมือนกันนี่หว่า ใครจะรู้ว่ามีอยู่หลายปางอุ๋ง...ปีนั้นก็เลยกางเต้นท์ ฉลองปีใหม่ที่สถานีเกษตรปางอุ๋ง จ.เชียงใหม่ แบบกร่อยๆ ...มีคนไปกางเต้นท์ ร่วมกันอยู่ 2-3 เต้นท์ เพราะเขาผ่านมาแล้วค่ำพอดี...

       แต่ไม่เป็นไรครับ ปีที่ผ่านมาเลยแก้ตัวใหม่ โทรติดต่อเจ้าหน้าที่ ที่"ปางอุ๋ง"ซึ่งเป็นโครงการพระราชดำริปางตอง 2 เพื่อแจ้งขอเข้าพักกางเต้นท์(ต้องติดต่อไว้ล่วงหน้าครับเขาถึงจะให้เข้าพัก) บริเวณทะเลสาบ และได้ศึกษารายละเอียดแผนที่อย่างทะลุปรุโปร่งกันพลาดเหมือนครั้งที่ผ่านมา...หลังจากที่ผมได้เที่ยวที่ อ.ปาย เรียบร้อยแล้ว ผมก็ขับรถตามถนนหมายเลข1095 มุ่งสู่ อ.ปางมะผ้า แวะเที่ยวอุทยานแห่งชาติถ่ำปลา แล้วแยกเข้าทางหมู่บ้านหมอกจำแป๋ เลี้ยวขวาเข้าไปจะเห็นป้ายบอกทางไปหมู่บ้านรวมไทย น้ำตกผาเสื่อ พระตำหนักปางตอง บ้านรักไทย  ขับรถเข้าไปสัก 25 กิโลเมตรก็ถึงครับ หมู่บ้านรักไทย ผมต้องไปแจ้งชื่อกับเจ้าหน้าที่ก่อนครับ(รายชื่อที่โทรจองไว้)ถึงจะได้เข้าไปที่พัก...


        "ปางอุ๋ง" หรือที่เรียกชื่อเต็มๆว่า"โครงการพระราชดำริปางตอง2(ปางอุ๋ง)" เป็นโครงการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งแต่ก่อนท่านทรงเห็นว่าเป็นพื้นที่อันตราย อยู่ติดชายแดนพม่า มีกองกำลังต่างๆมีการขนและปลูกพืชยาเสพติดรวมไปถึงการบุกรุกพื้นที่ตัดไม้ทำลายป่าอยู่เสมอ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีนาถจึงมีพระราชดำริให้รวบรวมชนกลุ่มน้อยบริเวณนั้นและพัฒนาความเป็นอยู่ ส่งเสริมอาชีพ ปลูกป่า สร้างอ่างเก็บน้ำโดยมีพระราชประสงค์สร้างความมั่นคงแนวชายแดน จนทำให้เกิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต สวยงามในปัจจุบัน...



       ผมขับรถเข้าไปในปางอุ๋ง จะมองเห็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนยอดเขา มีทิวสนปลูกอยู่ริมอ่างเก็บน้ำอย่างสวยงาม เมื่อเข้าติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อหาสถานที่กางเต้นท์เรียบร้อยแล้วผมพร้อมครอบครัวก็เดินเที่ยวออกมายังทางเข้าซึ่งหมายตาไว้แล้ว...จะมีกิจกรรมเยอะแยะมากครับ ไม่ว่าจะเป็นขี่ม้า ล่องแพ หรือเดินซื้อของฝากด้านนอกที่ชาวเขาเอามาขาย และด้านนอกจะมีโฮมเสตร์พักด้วยครับ...


โฮมเสตร์ที่ปางอุ๋งครับ


เดินซื้อของที่ระลึก



        ช็อตเด็ดของ"ปางอุ๋ง"คือบรรยากาศตอนเช้าครับเราจะเห็นภาพอันสวยงามของไอหมอกที่ลอยอยู่เหนือทะเลสาบกับอากาศที่หนาวเหน็บในยามเช้า ทำให้ปางอุ๋งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมาแรง ยอดฮิต แสนโรแมนติกติดอันดับต้นๆ ของแม่ฮ่องสอนจนได้รับขนานนามว่า "สวิตเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย" ยิ่งยามพระอาทิตย์ขึ้นสะท้อนผืนน้ำผ่านทิวสนและไอหมอกบางๆยิ่งเป็นภาพที่สร้างความประทับใจยากจะลืมเลือน แม้ยามที่หมอกเลือนลางหายไปก็ยังคงความสวยงาม...และที่มีหงส์ดำ หงส์ขาว อย่างละคู่ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าพระราชินีนาถได้พระราชทานไว้ และยังเดินดูพืชที่ปลูกไว้ยังที่ทำการอย่างสวยงาม รวมทั้งมีเต่าร้างยักษ์ด้วยครับ...

กิจกรรมล่องแพชมทะเลสาบ
       ผมเดินเที่ยวเดินชม"ปางอุ๋ง"จนเต็มอิ่ม...เพื่อชดเชยจากปีที่แล้วต้องไปหลง...คนละปางอุ๋งจนน่าอาย...พอตอนกับผมยังแวะเที่ยวพระตำหนักปางตอง อีกครับ เที่ยวซะหนำใจเลยเรา...



บรรยากาศยามเช้าครับ

วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ปายย..."ปาย"...เหมือนกัน...(กลัวคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง)

           สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮ็อต...ในชั่วโมงนี้...ต้องยกให้ "ปาย"...ครับ ในช่วงหน้าหนาวผู้คนจะหลั่งไหลไปเที่ยวมากมาย...ผมและครอบครัวก็ไม่พลาดโอกาสนี้เหมือนกันครับกลัวตัวเองจะเชย... เดี๋ยวเราจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง...





ภาพบรรยากาศบริเวณร้านกาแฟ"cofee in love"
           หลังจากที่ผมได้กางเต้นท์พัก...ที่สะพานประวัติศาสตร์ ท่าปาย ผมก็ขับรถออกจากสะพาน... เดินทางสู่ อ.ปาย ตามทางหลวงหมายเลข 1095 พอผ่าน กม.ที่ 95 ก็จะเจอร้านกาแฟ "คอฟฟี่ อิน เลิฟ"ร้านกาแฟที่...ถ้าใครไม่ได้ลงไปถ่ายรูปร้านนี้...เขาก็จะว่าเรามาไม่ถึง ปาย ได้เหมือนกัน ไหนๆ ก็ผ่านแล้วก็จอดรถให้ ลูกๆและภรรยาลงไปถ่ายรูปกันสักหน่อย...แต่กาแฟ ไม่ได้เข้าไปดื่มหรอกครับเห็นคนมันเยอะ...ขี้เกลียดเข้าคิว ร้านนี้ที่ดัง...คนรู้จักเยอะก็จากมีการถ่ายทำหนังจากเรื่อง...ปาย อิน เลิฟ นะถ้าจำไม่ผิด เขาจัดร้านได้น่ารักดีครับ...ร้านจะอยู่บนเนินเขา มีวิวเป็นแนวเขาสลับไปมา...
            ถึง อ.ปาย หลังจากหาที่จอดรถได้เรียบร้อย...ก็เดินเข้าไปชมบรรยากาศ เมืองปาย ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เดินไปจะมีร้านอาหารและร้านจำหน่ายของที่ระลึกอยู่ตลอดทางครับ ก็เลยแวะดื่มกาแฟ ซึ่งเป็นร้านที่ได้รับการกล่าวขานถึง คือร้านกาแฟ "ปายหนาว" อยู่ตรงสี่แยก เดินซื้อโปสการ์ดเขียนส่งถึงเพื่อนๆ และญาติๆครับ เพราะเป็นช่วงอวยพรปีใหม่พอดี...เขียนและส่งกันหน้าร้านเลย...



ภายในร้านกาแฟ "ปายหนาว"



ลูกสาวเลือกซื้อโปรสการ์ด

บรรยากาศบางส่วนที่ อ.ปายครับ
           เสร็จก็เดินทางต่อไปเที่ยววัด น้ำฮู ซึ่งอยู่ห่างจาก อ.ปาย ไปทางตะวันตก 3 กิโลเมตร เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่ออุ่นเมือง อายุกว่า 500 ปี พระเศียรกลวงเปิดส่วนบนได้มีน้ำขังอยู่ตลอดเวลา ด้านหลังจะมีพระเจดีย์...ซึ่งตามประวัติศาสตร์เล่าว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงสร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระอัฐิของพระพี่นางสุพรรณกัลยาครับ...
วัดน้ำฮุครับ

เจดีย์บรรจุอัฐิ พระสุพรรณกัลยา ครับ

           แล้วผมก็ออกจากวัดขับรถต่ออีกหน่อยก็ถึง บ้านสันติชล หรือ หมู่บ้านศูนย์วัฒนธรรมจีนยูนาน เมื่อก่อนที่นี่จะเป็นเขตค้ายาเสพติดของพวกว้าแดงครับ อาจเรียกว่าเป็นเป็นพื้นที่สีแดงก็ได้...แต่ตอนนี้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ของ ปาย แล้วครับ ที่นี่จะมีชาวเขาเชื้อสายจียอาศัยอยู่นับ 1000 คน แต่งกายชาวเขา บ้านแต่ละหลังเป็นบ้านดิน ผู้นำชุมชน ได้เปลี่ยนแปลงอาชีพของคนในชุมชน หันมาทำการท่องเที่ยวเชิงเกษตร มีร้านอาหารจีนยูนาน มีชิงช้าสวรรค์แบบชาวเขา ขี่ม้า ยิงธนู...

             ที่พลาดไม่ได้คือเมนูเด็ดอุตส่าเดินทางมาหลายพันลี้ต้องสั่ง หมั่นโถวทอด  และขาหมูเลิศรสสูตรจีนยูนาน...มารับประทานสักหน่อย วันนี้เดินๆเที่ยวอยู่...ลูกสาวและเด็กๆเจอ ดาราซึ่งผมก็ไม่รู้จักหรอกถามลูกว่าชื่ออะไร...เห็นบอกว่าชื่อ "เต้ย" หรืออะไรนี้แหละเลยถ่ายรูปประกบความสวยซะเลยระหว่างลูกสาวเรากับดารา...ดูซิใครจะสวยกว่ากัน...อิ อิ...


ที่หมูบ้าน"สันติชล" ของชาวจีน ยูนาน

ลูกสาวเสื้อขาวประกบดาราครับ...

กิจกรรมขี่ม้า



ทริปเที่ยวปายมีอีกเยอะครับ...แต่ขอเล่าแค่นี้พอเป็นกระศัย ต่อไปผมจะพาไปกางเต้นท์นอนชมหมอกที่..."ปางอุ๋ง" ครับ สวัสดีครับ

วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ดื่มด่ำสายหมอกยามเช้า...สะพานประวัติศาสตร์(ท่าปาย)


          
        ทริปนี้ของผมหลังจากเมื่อคืนได้พักกางเต้นท์ รับลมหนาว...ดูพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่ดอยกิ่วลม ณ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังเรียบร้อยแล้ว...ก็เดินเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1095 มุ่งหน้าสู่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอนทันที... วันนี้จะสังเกตุเห็นรถที่วิ่งบนถนนมุ่งสู่ อ.ปาย จะคึกคักหนาแน่นเป็นพิเศษครับ...เพราะเป็นวันที่ผู้คนเริ่มหลั่งไหลไปเที่ยวอ.ปายจึงทำให้มีรถติดช่วงโค้ง...และช่วงขึ้นเขาเกือบตลอดเส้นทาง...ได้กลิ่นเหม็นของผ้าเบรคและครัชเป็นระยะ...(รถคันอื่นครับ) พอขับมาเรื่อยๆก่อนเข้าสู่ อ.ปาย ในกม.ที่ 88 เราก็ถึงสะพานประวัติศาสตร์ (ท่าปาย) เลยจอดรถลงไปถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกกันซักหน่อย...


           พอลงไปถ่ายรูปได้สักพักดูนาฬิกาเป็นเวลาบ่ายโมงกว่าๆแล้วครับ...คืนนี้เรายังไม่รู้เลยว่าจะพักกางเต้นท์กันที่ไหนดี ก็พอดีมองลงไปจากสะพานเห็นลานกางเต้นท์ ริมแม่น้ำ สงสัยเจ้าของพึ่งทำไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวใหม่ๆ ดูบรรยากาศเข้าท่าดีเลยตกลงพักที่ริมน้ำข้างสะพานท่าปายนี้แหละ ไม่ต้องเข้าไปพักใน อ.ปายหรอก เรากางเต้นท์ของเราเองครับ เสียค่าสถานที่ 150 บาทต่อเต้นท์ 1 หลัง(เดี๋ยวนี้ไม่ทราบว่าราคาเดิมหรือเปล่า) พอกางเต้นท์เสร็จก็ขับรถเข้าไปเที่ยวที่ ตัว อ.ปาย(ขอเล่ารายละเอียดเรื่องต่อไปครับ) พอเดินซื้อของที่ปายเสร็จเราก็กับที่พักที่สะพานท่าปาย...มาถึงเด็กๆก็มีกิจกรรมล่องแพไม้ไผ่ลำน้ำปายครับ ส่วนผู้ใหญ่ก็ประกอบอาหารนั่งดื่มเบียร์ชมวิวสะพาน และแม่น้ำปายสบายอุรา...บางขณะก็เดินขึ้นไปเดินเที่ยวชมบรรยากาศตอนเย็นของสะพาน...จะพบร้านกาแฟ coffee tea sapan ก็ตกแต่งได้เก๋เหมือนกันเลยพากันถ่ายรูปซะหน่อย แล้วเดินไปชมสินค้าที่ชาวบ้านชาวเขา เอามาขายริมทางส่วนมากก็ของที่ระลึกต่าง...



       สะพานประวัติศาสตร์(ท่าปาย)จากที่ได้อ่านประวัติดู...สร้างขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปี พ.ศ.2485 ครับโดยกองทหารญี่ปุ่น เพื่อใช้ข้ามแม่น้ำปายและลำเลียงเสบียงและอาวุธเข้าไปยังประเทศพม่า หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง อ.ปายจึงกลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง...โดยหลงเหลือสะพานแห่งนี้ไว้เป็นอนุสรณ์...



กิจกรรมล่องแพรไม้ไผ่ลำน้ำปาย

       พอตะวันชิงพลบ...อากาศก็เริ่มเย็นตัวลง...แต่พวกเรา"คนเดินทาง"ก็ยังนั่งจิบเบียร์เสวนาถึงบรรยากาศจากสถานที่ ที่เราท่องเที่ยวมา...มองดูรถที่วิ่งบนสะพานมุ่งหน้าสู่ "ปาย" อย่างไม่ขาดสาย จนน้ำค้างลงอย่างหนักจึงมุดเข้าเต้นท์นอน...เอาแรงสำหรับการเดินทางพรุ่งนี้ต่อไป




บรรยากาศแค้มป์ปิ้งข้างแม่น้ำปายริมสะพาน"ประวัติศาสตร์ท่าปาย"

       เช้ามืดผมได้ยินเสียงน้ำหยดเปาะแปะ จากหลังคาเต้นท์ จึงตื่น...ทั้งๆที่ใจยังอยากจะนอนต่อ แต่พอเปิดเต้นท์ออกมาก็ได้สัมผัสกับระอองหมอกอันขาวโพลน...ลอยอยู่หน้าเต้นท์และเหนือลำน้ำปาย...เป็นภาพประทับใจและสวยงาม จึงปลุกทุกคนให้ตื้นขึ้นมาสัมผัสกับบรรยากาศ ที่ผมได้พบในยามเช้า...แล้วพวกเราก็ได้สัมผัสและดื่มด่ำกับบรรยากาศพร้อมๆกัน...จัดเตรียมกาแฟ โอวัลตินและขนมปังทาแยม...ยืนกินนั่งกิน เพลินเพลินกับบรรยากาศยามเช้าที่สะพาน "ท่าปาย"...วันนี้เราพร้อมแล้วสำหรับการเดินหน้าท่องเที่ยวต่อไป...ถึงเวลาเก็บเต้นท์ขึ้นรถเดินทางกันต่อ...จุดหมายต่อไป "ปางอุ๋ง" ครับ










บรรยากาศยามเช้าบริเวณลานกางเต้นท์สะพาน"ท่าปาย"